แตงโม ผลไม้ลูกกลมโต
เปลือกนอกสีเขียวเข้มหรือมีหลายสีเขียวอ่อนพาดตามยาว เนื้อในฉ่ำน้ำรสหวานหอม
มีเมล็ดสีดำเล็กๆ แทรกอยู่ตามแนวกลาง เนื้อในมีทั้งพันธ์สีแดงและสีเหลือง
แตงโมเป็นผลไม้ที่เหมาะกับเมืองร้อนอย่างบ้านเรา เพราะช่วยดับกระหายคลายความร้อนได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากมีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่สูงถึงร้อยละ92
เหมาะกับชื่อภาษาอังกฤษ “watermelon”
เนื้อแตงโมมีเบตาแคโรทีนและวิตามินซีสูง
ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันป้องการติดเชื้อบำรุงสายตาและผิวพรรณ
มีสารไลโคพีนซึ่งเป็นรงควัตถุที่ทำไห้ผลไม้มีสีแดงไลโคพีนนี้จะช่วยต้านอนุมูลอิสระลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจและมะเร็งต่อมลูกหมากได้เป็นอย่างดี
ที่น่าสังเกตคือในแตงโมเนื้อสีแดงและเหลืองมีปริมาณของเบตาแคโรทีนและไลโคพีนแตกต่างกันมาก
โดยแตงโมเนื้อสีแดง 1 ส่วน( 170) มีเบตาแคโรทีน 1,047 ไมโครกรัม ไลโคพีน 1,137
ไมโครกรัม ในขณะที่แตงโมเนื้อสีเหลือง 1 ส่วน(
188 กรัม ) มีเบตาแคโรทีน10 ไมโครกรัม
และไม่มีไลโคพีนเลย นักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัยการเกษตรฯ แห่งสหรัสอเมริกา
ยังพบว่าแตงโมมีสารซิทรูลีน (citrulline)
ที่ร่างกายจะใช้สารนี้ในการเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่กรดอมิโนอาร์จินีน (arginine) ซึ่งเป็นกรดอมิโนที่ช่วยเสริมสร้างการทำงานของหลอดเลือด
ส่งผลดีต่อการไหลเวียนโลหิตช่วยกำจัดแอมโมเนียซึ่งเป็นของเสียจากการย่อยสลายโปรตีนออกจากร่างกาย
และมีบทบาทต่อการแบ่งตัวของเชลล์ ช่วยรักษาบาดแผลให้หายเร็ว
เนื้อแตงโมยังมีสาระสำคัญต่อร่างกายอีกหลายชนิด
เช่น เส้นใยอาหาร โพแทสเซียม แคลเซียม ฟอสฟอรัส ขณะเดียวกันแตงโมก็ปราศจากไขมัน
มีแคลอรีและโซเดียมต่ำจึงเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก
สำหรับผู้ป่วยโรคไตที่ต้องจำกัดปริมาณน้ำควรหลีกเลี่ยงการกินแตงโม
หรือแม้แต่ผู้มีสภาพร่างกายปกติก็ไม่ควรกินแตงโมมากเกินไป
เพราะน้ำปริมาณมากจะทำให้น้ำย่อยในกระเพาะเจือจางลง
ก่อให้เกิดอาการอาหารไม่ย่อยหรือท้องเสียได้
ส่วนอื่นๆของแตงโมก็มีประโยชน์โดดเด่นไม่แพ้กัน
เปลือกแตงโมช่วยลดอาการระคายเคืองจาการถูกแดดเผาได้
โดยการนำไปแช่เย็นแล้วแป๊ะลงบริเวณนั้น เมล็ดแตงโมอบหรือเมล็ด “กวยจี๊” ในภาษาจีนเป็นของคบเคียวที่ใครหลายติดใจ
ส่วนประโยชน์ที่จะได้รับมากกว่าความมัน คือ โปรตีน คาร์โบไฮเดรต แมกนีเซียม
สังกะสี เหล็ก
รวมถึงแคลเซียมด้วยเกษตรกรจะเก็บผลผลิตแตงโมเมื่อขัวผลเริ่มเหี่ยวยุบลง
ผิวแตงกร้าน และมือเกาะใกล้ขั้วแห้ง สำหรับคนซื้อมีวิธีเลือกง่ายๆเพื่อให้คุณภาพดี
โดยการดีดหรือตบเบาๆ แล้วฟังเสียงกังวานแสดงว่าแตงโมอ่อน
เสียงผสมระหว่างกังวานและทึบแสดงว่าแก่พอดี
ถ้าเสียงทึบอย่างเดียวบ่งบอกว่าแก่เกินไป หรือที่เรียกว่า “ไส้ส้ม”
การเก็บรักษาควรเก็บแตงโมทั้งลูกไว้ที่อุณหภูมิห้อง
จะช่วยให้ปริมาณสารเบตาแคโรทีนและไลโคพีนสูงกว่าผ่าทิ้งไว้ส่วนใครผ่าแล้วแช่เย็น
ก็ควรใช้พลาสติกห่อหุ้มไว้ก่อนนำเข้าตู้เย็น เพื่อป้องกันการระเหยของน้ำในแตงโม
และป้องแตงโมดูดกลิ่นอื่นในตู้เย็นจนทำให้เสียรสชาติ
แตงไทยไม่ได้มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย
แต่มาจากตอนใต้ของแอฟริกา เป็นพืชเถาเลื้อยวงศ์เดียวกับแตงกวา ลักษณะเนื้อในจึงคล้ายกัน
แต่ขนาดผลแตงไทยจะใหญ่กว่ารูปทรงก็มีทั้งแบบกลมรีหรือกลมยาว หัวท้ายมน
ผลอ่อนใช้กินเป็นผักจิ้มน้ำพริก นำไปดองยำ หรือใส่ในแกงต่างๆ
เมื่อสุกผลจะมีสีขาวอมเหลืองแกมสด มีลายสีขาวพาดตามยาว เนื้อในฉ่ำน้ำ
มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว รสหวานแต่ไม่หวานมากเท่าแตงโมหรือแคนตาลูป
การกินแตงไทยจะช่วยป้องกันโรคเกี่ยวกับตาได้
เพราะมีเบตาแคโรทีนและวิตามินเออยู่สูงมากโดยเฉพาะในเนื้อผลแก่
มีวิตามินชีซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ
ช่วยให้ผิวแข็งแรงและเสริมระบบภูมิคุ้มกันมีคาร์โบไฮเดรตช่วยให้พลังงานแก่ร่างกาย
มีโพแทสเซียมที่มีส่วนช่วยควบคุมความดันโลหิตและจังหวะการเต้นของหัวใจ
และลดความเสี่ยงจากการเป็นโรคหลอดเลือดสมอง (stroke) มีเส้นใยอาหารช่วยปรับระบบขับถ่าย
ฟอสฟอรัสและแคลเซียมในแตงไทยยังช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรงอีกด้วย
สรรพคุณอื่นๆของแตงไทยที่คนโบราณว่าไว้ก็คือเนื้อผลกินขับปัสสาวะ
ขับน้ำนม ขับเหงื่อ บำรุงหัวใจและสมอง ดอกอ่อนตากแห้ง นำมาต้มน้ำดื่มทำให้อาเจียน
แก้ดีซ่าน หรือนำมาบดเป็นผงพ่นแก้แผลในจมูก เมล็ดกินช่วยย่อยอาหารขับปัสสาวะ
และแก้ไอรากต้มดื่มทำให้อาเจียนระบายท้อง
แตงไทยให้ผลผลิตมากในช่วงฤดูร้อน
มักนำมากินสดหรือกินคู่กับกะทิ เป็นของหวานที่หลายคนโปรดปราน เพราะมีรสชาติหวานหอม
เย็นชื่นใจ ช่วยดับกระหายความร้อนได้เป็นอย่างดี
หนังสือ ผลไม้บำรุงสุขภาพ
กองบรรณาธิการหนังสือสุขภาพกาย-ใจ
จัดพิมพ์โดย บริษัท
พิมพ์ดี จำกัด
933,935,937 ซอยกาญจนาภิเษก 008 แขวงบางแค เขตบางแค กรุงเทพฯ 10160